ลูกค้าหลายท่านสงสัยว่าเคเบิ้ลไทร์สามารถใช้งานในน้ำหรือแช่น้ำได้หรือไม่ และถ้าต้องนำไปใช้ในงานเกี่ยวกับการประมง เช่น งานจับปลา งานเลี้ยงสัตว์น้ำ หรืองานซ่อมแซมอวน ควรเลือกใช้เคเบิ้ลไทร์แบบไหน บทความนี้จะมาอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ
คุณสมบัติโดยทั่วไปของเคเบิ้ลไทร์เมื่อต้องอยู่ในน้ำ
โดยปกติแล้ว เคเบิ้ลไทร์ที่ผลิตจากพลาสติกไนลอน หรือโพลิเมอร์ชนิดต่าง ๆ สามารถทนต่อน้ำได้ในระดับหนึ่ง แต่หากแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน โดยเฉพาะน้ำทะเลที่มีความเค็มสูง พลาสติกบางชนิดอาจเกิดการเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น เช่น แตก เปราะ หรือสูญเสียความแข็งแรงไป เคเบิ้ลไทร์ธรรมดาที่ใช้ในงานทั่วไปจึงไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องแช่น้ำหรือจมน้ำตลอดเวลา
การเลือกเคเบิ้ลไทร์สำหรับงานในน้ำควรเลือกชนิดที่ออกแบบมาให้ทนต่อความชื้น ทนน้ำเค็ม และทนการกัดกร่อน เพื่อให้สามารถใช้งานได้นานและไม่เสียหายง่าย
ปัจจัยที่ทำให้เคเบิ้ลไทร์เสื่อมเมื่ออยู่ในน้ำ
- น้ำเค็ม: น้ำทะเลมีเกลืออยู่สูงมาก เกลือสามารถกัดกร่อนวัสดุหลายชนิดได้ แม้แต่พลาสติก หากเคเบิ้ลไทร์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทนน้ำเค็ม เมื่อใช้งานนาน ๆ อาจเปราะและขาดได้ง่าย
- อุณหภูมิของน้ำ: น้ำที่มีอุณหภูมิสูง เช่น น้ำอุ่นหรือน้ำร้อน อาจทำให้พลาสติกอ่อนตัวและเสียรูปทรงได้ ส่วนในน้ำเย็นจัด เคเบิ้ลไทร์ที่ไม่ทนความเย็นอาจแข็งและเปราะแตกได้ง่าย
- การเสียดสี: ในงานประมง เช่น การลากอวน หรือการโยกย้ายอุปกรณ์ใต้น้ำ เคเบิ้ลไทร์อาจต้องเผชิญกับแรงเสียดสีบ่อย ๆ การเสียดสีทำให้พลาสติกสึกหรอและขาดเร็วกว่าการใช้งานปกติ
เคเบิ้ลไทร์แบบไหนเหมาะกับงานในน้ำและงานการประมง
เคเบิ้ลไทร์ไนลอนเกรดพิเศษ (Nylon 12)
ไนลอน 12 เป็นวัสดุที่ทนต่อน้ำได้ดีเยี่ยม มีคุณสมบัติไม่ดูดซับน้ำ ทนต่อสารเคมี และทนความเค็มของน้ำทะเล เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องแช่น้ำหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น งานเลี้ยงปลา งานซ่อมแซมอวน หรือการผูกยึดสิ่งของในท่าเรือ
เคเบิ้ลไทร์สแตนเลส
สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูงและทนทานต่อการกัดกร่อนอย่างมาก เช่น การยึดโครงสร้างในทะเล หรือท่าเทียบเรือ เคเบิ้ลไทร์สแตนเลสเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเคเบิ้ลไทร์ที่ผลิตจากสแตนเลสเกรด 316 ซึ่งมีความทนทานต่อน้ำทะเลได้ยอดเยี่ยม
เคเบิ้ลไทร์ที่มีสารเคลือบทน UV และสารเคมี
ในบางกรณี เคเบิ้ลไทร์พลาสติกที่ผสมสารป้องกันรังสี UV และสารป้องกันการกัดกร่อน สามารถใช้งานกลางแจ้งและในน้ำได้ดี แต่ควรตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของผลิตภัณฑ์ก่อนนำมาใช้งานจริง
ตัวอย่างการใช้งานเคเบิ้ลไทร์ในงานการประมง
- มัดอวนจับปลาหรือตาข่ายเลี้ยงสัตว์น้ำให้ติดแน่นกับโครงเหล็กหรือทุ่นลอย
- ติดตั้งอุปกรณ์ให้อาหารปลาในกระชังเลี้ยงปลา
- มัดสายยางหรือตะข่ายกรองน้ำในระบบฟาร์มกุ้งหรือฟาร์มปลา
- ยึดทุ่นลอยกับเชือกหรือโครงสร้างในทะเล
- ซ่อมแซมแผงกั้นสัตว์น้ำ เช่น ปูหรือกุ้ง ในบ่อเลี้ยง
- ยึดท่อส่งน้ำหรือท่อเติมออกซิเจนในบ่อเลี้ยงปลา
- มัดสายไฟหรือสายควบคุมเครื่องสูบน้ำในฟาร์มสัตว์น้ำ
- ต่อซ่อมอวนที่ขาดหรือเสียหายระหว่างทำประมง
- ยึดกระสอบทรายหรืออุปกรณ์ถ่วงน้ำหนักในกรงเลี้ยงปลา
- สร้างโครงตาข่ายสำหรับกั้นเขตเลี้ยงสัตว์น้ำในทะเลหรือบ่อน้ำ
- ยึดโครงสร้างชั่วคราวสำหรับวางอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพน้ำ
- ติดตั้งแผ่นพลาสติกบังแดดหรือป้องกันลมในฟาร์มกุ้ง
- มัดถังให้อาหารลอยน้ำให้คงที่ในกระชังเลี้ยงปลา
- จัดระเบียบเชือกและอุปกรณ์ในเรือประมงให้เรียบร้อย
- ซ่อมแซมกรงปูหรืออุปกรณ์จับสัตว์น้ำอื่น ๆ ที่เสียหายจากการใช้งานหนัก
ข้อดีของการใช้เคเบิ้ลไทร์ในงานประมง
- ประหยัดเวลาในการติดตั้งและซ่อมแซม
- ช่วยให้โครงสร้างในน้ำมีความแข็งแรงมากขึ้น
- ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง เช่น เชือกหรือสกรูที่อาจเสื่อมเร็วในน้ำ
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนการติดตั้งได้ง่าย
- มีหลากหลายขนาดและวัสดุให้เลือกให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท
เคล็ดลับการเลือกเคเบิ้ลไทร์สำหรับใช้งานในน้ำ
- เลือกวัสดุที่ทนความชื้นและน้ำเค็ม เช่น Nylon 12 หรือสแตนเลสเกรด 316
- เลือกขนาดและความยาวที่เหมาะกับอุปกรณ์หรือวัสดุที่ต้องการรัด
- ตรวจสอบว่าเคเบิ้ลไทร์มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวี หากต้องใช้งานกลางแจ้ง
- ใช้อุปกรณ์ตัดปลายเคเบิ้ลไทร์ให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันบาดมือหรืออุปกรณ์อื่นเสียหาย
- หมั่นตรวจสอบสภาพเคเบิ้ลไทร์ที่ใช้ใต้น้ำอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่ามีการเสื่อมหรือแตกควรเปลี่ยนทันที
การเลือกเคเบิ้ลไทร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานในน้ำและงานประมงจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ควรเลือกวัสดุที่ทนทานต่อน้ำเค็ม เช่น Nylon 12 หรือสแตนเลสเกรด 316 และควรเลือกขนาดให้เหมาะกับลักษณะงานเสมอ การหมั่นดูแลและตรวจสอบเคเบิ้ลไทร์เป็นประจำ จะช่วยลดปัญหาการเสื่อมสภาพ และทำให้งานในน้ำปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น