Decomposition Timeline คือ ช่วงเวลาที่ใช้ในการย่อยสลายของวัสดุหรือสิ่งของต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งสลายหายไปจนหมดสิ้น หรือเปลี่ยนแปลงไปเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ไม่สามารถระบุลักษณะเดิมได้อีกต่อไป การย่อยสลายนี้มักเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาทางเคมี กายภาพ หรือชีวภาพ เช่น การสัมผัสกับอากาศ น้ำ แสงแดด หรือจุลินทรีย์ จุดประสงค์ของการพิจารณา Decomposition Timeline คือเพื่อประเมินว่าวัสดุนั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวมากน้อยเพียงใด
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Decomposition Timeline มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเลือกใช้และการจัดการกับวัสดุต่างๆ วัสดุบางชนิด เช่น พลาสติกหรือโลหะ อาจต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการย่อยสลาย ขณะที่วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ใบไม้หรือกระดาษ อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หรือเดือนเท่านั้น ความแตกต่างของช่วงเวลาเหล่านี้ส่งผลต่อการสะสมของขยะในสิ่งแวดล้อมและการออกแบบระบบการจัดการของเสีย
การประเมิน Decomposition Timeline ยังสามารถนำมาใช้กำหนดแนวทางในการเลือกวัสดุสำหรับการผลิตสิ่งของหรือบรรจุภัณฑ์ หากวัสดุมี Decomposition Timeline สั้น จะเหมาะกับการใช้ในสิ่งของที่ต้องการใช้งานเพียงชั่วคราว หรือเน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในทางกลับกัน วัสดุที่มี Decomposition Timeline ยาว เหมาะกับการนำไปใช้ในสิ่งที่ต้องการความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน
นอกจากนี้ การทราบ Decomposition Timeline ยังช่วยให้สามารถวางแผนการกำจัดของเสียได้อย่างเหมาะสม เช่น สามารถคัดแยกขยะที่ย่อยสลายง่ายเพื่อนำไปทำปุ๋ยหมัก หรือจัดเก็บขยะที่ต้องใช้เวลาย่อยสลายนานให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย การให้ความรู้เกี่ยวกับ Decomposition Timeline ยังช่วยสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคมเกี่ยวกับการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างของ Decomposition Timeline ที่เห็นได้ชัด เช่น ถุงพลาสติกทั่วไปอาจใช้เวลาย่อยสลายถึง 500 ปี ขณะที่เปลือกกล้วยหรือเศษอาหารใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ การเลือกใช้วัสดุที่มี Decomposition Timeline เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานและการจัดการอย่างถูกต้อง จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน