Discoloration คือ การเปลี่ยนแปลงของสีบนพื้นผิวหรือเนื้อของวัตถุที่แตกต่างจากสีเดิมหรือสีที่ต้องการให้คงอยู่ สภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในรูปแบบของการซีดจาง สีเข้มขึ้น หรือเกิดจุดสีที่ไม่สม่ำเสมอบนพื้นผิว วัตถุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้า หรือโครงสร้างต่างๆ ล้วนมีโอกาสเกิด Discoloration ได้ทั้งสิ้น โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดมีได้หลากหลาย เช่น การสัมผัสแสงแดด ความชื้น อุณหภูมิสูง หรือแม้แต่ปฏิกิริยาทางเคมีจากสิ่งแวดล้อม
Discoloration มีความสำคัญอย่างมากต่อประสิทธิภาพและความสวยงามของวัตถุ หากเกิดขึ้นบนผลิตภัณฑ์หรือสิ่งของที่ต้องการความสวยงาม เช่น เฟอร์นิเจอร์ ผนังบ้าน หรือเครื่องแต่งกาย จะทำให้ดูเก่า หมองคล้ำ หรือขาดความน่าเชื่อถือในสายตาผู้ใช้ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจของวัตถุชิ้นนั้นๆ เพราะสีที่เปลี่ยนไปมักถูกมองว่าเป็นข้อบกพร่องหรือเสียหาย แม้ว่าคุณสมบัติอื่นๆ ของวัตถุนั้นจะยังคงดีอยู่ก็ตาม
สาเหตุหลักของ Discoloration มักเกี่ยวข้องกับปัจจัยภายนอก เช่น แสงอัลตราไวโอเลตในแสงแดดที่สามารถทำลายเม็ดสีบนพื้นผิว การสัมผัสกับสารเคมีในอากาศหรือของเหลวอย่างน้ำ ฝุ่น หรือมลภาวะ สารบางอย่างอาจทำปฏิกิริยากับพื้นผิวจนเกิดการเปลี่ยนสี นอกจากนี้ ความชื้นและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงยังสามารถเร่งให้เกิด Discoloration ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น วัสดุที่มีโครงสร้างไม่เสถียรหรือได้รับการปกป้องไม่ดีจึงมักเกิดปัญหานี้ได้ง่าย
ในชีวิตประจำวัน การเกิด Discoloration สามารถพบได้บ่อยในสิ่งของรอบตัว เช่น เสื้อผ้าที่สีซีดจางเมื่อซักบ่อยหรือถูกแดดจัด พื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เปลี่ยนสีเมื่อวางไว้ในห้องที่มีแสงแดดส่องถึง หรือแม้แต่พลาสติกที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อใช้ไปนานๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงถึงผลกระทบจาก Discoloration ซึ่งมักนำไปสู่ความจำเป็นในการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนของใหม่อยู่เสมอ
เพื่อป้องกันและชะลอการเกิด Discoloration มักมีการเลือกใช้วัสดุที่มีความต้านทานต่อการเปลี่ยนสีสูง หรือใช้สารเคลือบผิวเพื่อปกป้องจากปัจจัยภายนอก การดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงและสารเคมีโดยตรง จะช่วยยืดอายุการใช้งานและคงความสวยงามของวัตถุได้ยาวนานยิ่งขึ้น การเข้าใจและให้ความสำคัญกับ Discoloration จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาคุณภาพและมูลค่าของสิ่งของในชีวิตประจำวัน