Environmental Durability คือ ความสามารถของวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ในการคงสภาพเดิมและคงสมรรถนะการใช้งานได้อย่างยาวนาน เมื่อเผชิญกับสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมคุณภาพ เช่น ความร้อน ความชื้น แสงแดด ฝุ่นละออง สารเคมี และแรงทางกล วัสดุที่มี Environmental Durability สูง จะต้านทานการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือเคมีที่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ดี ส่งผลให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
ความสำคัญของ Environmental Durability มีอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้งานกลางแจ้งหรือในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น วัสดุที่ใช้สำหรับก่อสร้างบ้านเรือน ถนน สะพาน หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ต้องติดตั้งภายนอก หากวัสดุเหล่านี้ไม่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจเกิดการแตกหัก ผุกร่อน สีซีดจาง หรือเสื่อมสภาพจนไม่สามารถใช้งานได้อีก ทำให้ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายและความปลอดภัยของผู้ใช้งานโดยตรง
ตัวอย่างของการนำ Environmental Durability ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกใช้วัสดุปูพื้นภายนอกบ้านที่ทนแดด ทนฝน หรือการออกแบบเฟอร์นิเจอร์สนามที่ไม่ผุกร่อนง่ายเมื่อโดนความชื้น การพัฒนาเสื้อผ้าที่สามารถกันน้ำและกันรังสียูวี หรือแม้แต่การเลือกใช้สีทาบ้านที่สามารถต้านทานการหลุดลอกจากแสงแดดและฝนตกหนัก การคำนึงถึง Environmental Durability จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ลดการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ และช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย