Load Deformation คือ การเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือขนาดของวัตถุเมื่อมีแรงภายนอกมากระทำ โดยวัตถุจะตอบสนองต่อแรงเหล่านั้นด้วยการยืดออก หดตัว งอ หรือบิดในลักษณะต่างๆ ตามชนิดของแรงและคุณสมบัติของวัตถุเอง ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดคือการดึงสปริง เมื่อออกแรงดึง สปริงจะยืดตามขนาดของแรงที่ใช้ และเมื่อปล่อยแรง สปริงจะกลับคืนสู่รูปร่างเดิม หากแรงที่มากระทำเกินขีดจำกัด สปริงอาจเสียรูปถาวรหรือขาดได้
ความสำคัญของ Load Deformation อยู่ที่การทำความเข้าใจว่าวัตถุแต่ละชนิดจะรับน้ำหนักหรือแรงกดดันได้มากน้อยเพียงใด และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือความเสียหายแบบใดเมื่อเผชิญกับแรงนั้นๆ การศึกษาพฤติกรรมนี้ช่วยให้สามารถออกแบบสิ่งของ เครื่องมือ หรือโครงสร้างให้มีความปลอดภัย แข็งแรง และทนทานต่อการใช้งานตามความเหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การนำแนวคิด Load Deformation ไปใช้จริงมีให้เห็นในชีวิตประจำวันอย่างหลากหลาย เช่น การเลือกใช้วัสดุสำหรับทำเฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ ต้องพิจารณาว่าวัสดุนั้นสามารถรับน้ำหนักหรือแรงกระแทกได้มากแค่ไหนโดยไม่เสียรูปถาวร หรือในการสร้างอาคารสะพาน ก็ต้องคำนึงว่ากระบวนการรับน้ำหนักและการเปลี่ยนรูปจะส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยหรือไม่ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการทดสอบคุณสมบัติวัตถุต่างๆ ก่อนนำไปใช้งานจริงอีกด้วย
การเข้าใจลักษณะ Load Deformation ยังช่วยให้สามารถคาดการณ์อายุการใช้งานของวัตถุ หรือวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างเหมาะสม หากวัตถุมีแนวโน้มที่จะเกิดการเสียรูปเร็วก็อาจต้องเลือกวิธีการใช้งานหรือออกแบบที่แตกต่างจากวัตถุที่สามารถทนต่อการเปลี่ยนรูปได้ดี การวิเคราะห์ Load Deformation จึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการเลือกวัสดุและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการและความปลอดภัยของผู้ใช้