Material Compatibility คือ ความสามารถของวัสดุสองชนิดหรือมากกว่านั้นในการทำงานร่วมกันได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา เช่น การเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ไม่พึงประสงค์ การเสื่อมสภาพ หรือการสูญเสียคุณสมบัติที่สำคัญของวัสดุเหล่านั้น เมื่อวัสดุถูกนำมาใช้ร่วมกันในระบบเดียวกัน ความเข้ากันได้ของวัสดุจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อให้มั่นใจว่าวัสดุแต่ละชนิดจะสามารถรักษาคุณสมบัติของตนเองไว้ได้และไม่ทำให้เกิดปัญหาต่อการใช้งานโดยรวม
การเลือกวัสดุที่เข้ากันได้มีความสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการออกแบบและผลิตชิ้นงานหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น หากนำโลหะสองชนิดมาประกบกันโดยไม่พิจารณาความเข้ากันได้ อาจเกิดปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมี (Galvanic corrosion) ทำให้วัสดุเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรือในกรณีของวัสดุพลาสติก การใช้สารเคมีบางชนิดร่วมกับพลาสติกที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้พลาสติกเปราะ แตกหัก หรือเสียรูปทรงได้
ความเข้ากันได้ของวัสดุไม่เพียงแต่หมายถึงการไม่มีปฏิกิริยาเคมีระหว่างกันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเข้ากันได้ทางกายภาพ เช่น การขยายตัวเมื่อได้รับความร้อน (thermal expansion) หรือการรับน้ำหนักร่วมกัน หากวัสดุสองชนิดมีอัตราการขยายตัวที่แตกต่างกันมาก อาจทำให้เกิดการแตกร้าวหรือแยกตัวเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบ่อย ๆ
การทำความเข้าใจและเลือกใช้วัสดุที่เข้ากันได้อย่างเหมาะสมจึงช่วยยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ลดปัญหาการซ่อมบำรุง และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นในอุตสาหกรรมการผลิต เครื่องใช้ไฟฟ้า การก่อสร้าง หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวัน การตระหนักถึงความเข้ากันได้ของวัสดุจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพและความคงทนสูงสุด